ออกตัวก่อนนะคะ ... ว่าไม่ได้เก่งเรื่องหุ้นเลย ... เพียงแต่ว่า ชอบ และมีความสุขเวลาได้คิดวิเคราะห์ และเทรดหุ้น ทำให้ชอบหาความรู้อยู่เสมอ จึงเป็นที่มาของการลงเรียนคอร์ส CSI Investment ของ ม.รังสิต
ซึ่งสิื่งที่หงีจะแชร์นี้ ก็เป็นข้อคิดที่หงีได้มาจากส่วนหนึ่งของคอร์ส ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ 1) ส่วนการวิเคราะห์งบการเงิน โดย ดร.สันสกฤต วิจิตรเลขการ และ 2) ส่วนความรู้ในการเทรดหุ้นและ Money Management โดย อาจารย์นิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์
เอาล่ะ ... เริ่ม^^
1. ตัวเลขในงบการเงินนั้น สามารถบอกเรื่องราวแก่เราได้ ... แต่!!! คุณต้องรู้จัก และ เข้าใจ "ธุรกิจ" ที่คุณกำลังอ่านงบอยู่เสียก่อน จึงจะรู้ว่า ตัวเลข ที่เห็นนั้นมัน Make Sense หรือไม่ และส่ง Signal อะไรแก่เรา
2. การวิเคราะห์งบการเงินนั้น ... ต้องอ่านทุกงบ จึงร้อยเรียงเรื่องราวได้เป็นภาพ ... เริ่มตั้งแต่ ส่วนของทุน -> สินทรัพย์ -> รายได้ -> กำไร -> กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
3. อาจารย์สันสกฤต นั้น สอนบัญชีได้สนุกมาก (!!?)
4. อาจารย์นิพนธ์ นั้น โหดสัส (!!?)
5. จริงอยู่ว่า เรื่องหุ้นนั้น เป็นเรื่องของการลงทุน ... แต่คุณก็ต้องยอมรับว่า หลายคน (รวมถึงหงีด้วย) ก็มองว่ามันเป็น "ธุรกิจ"
6. การเล่นหุ้นนั้น มี 3 แบบ คือ ลงทุน, เก็งกำไร และ พนัน ... ชอบแบบไหนล่ะ? เหมาะกับแบบไหน? เลือกเอาตามสบายเลยจ้ะ ... ส่วนตัวหงีชอบ "ลงทุน" ส่วนหนึ่ง และ "เก็งกำไร" ส่วนหนึ่ง ... เพราะ หงีต้องกินข้าว แม่และน้อง ก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน :)
7. ทฤษฎีผลประโยชน์นั้น คือ ทฤษฎีที่จริง และเป็นที่สุดของการลงทุน ... คุณคิดว่า คนทั้งตลาด "ลงทุนในหุ้น" เพราะ "เน้นคุณค่า" และเชื่อว่า ในที่สุด "ราคา" จะวิ่งเข้าหา "มูลค่า" อย่างเดียวเท่านั้นหรือ? ... ไม่จริงหรอก
8. จิตวิทยาการลงทุน คือ วิชาที่สำคัญที่สุดในการเทรดหุ้น
9. ความกลัว กับ ความโลภ คือ ปัจจัยที่สำคัญ
10. จะเล่นหุ้น เล่นคนเดียว ... อย่าพูดมาก ... อย่าโทษคนอื่น .. อย่าเชื่อคนอื่น ... เงินเรา ชีวิตเรา พอร์ทเรา เอาไปใส่ในมือใครทำไม ... ประเภทใช้ "หู" ใช้ "ไลน์" เล่น ... เจ็บมาเหมือนกัน
... หงีว่า ไม่เวิร์คหรอก :) ... ในตลาด ทุกคนอยากได้กำไร ... เจ้าของ จะเอาเงินเขา มาให้เราทำไม?
11. Overconfidence กะ ขี้กลัวเกินเหตุ ... ก็ ... อย่าเทรดเลยหุ้น
12. ตลาดจะลงจะขึ้น ... ไม่เกี่ยวกับว่า คุณจะทำกำไรจากการลงทุนใน "หุ้นรายตัว" ได้หรือไม่
13. Mindset ในการเล่นหุ้นที่ดี ไมใช่ Return Management แต่เป็น Risk Management
14. ในตลาดหุ้นไทย .. ดู Technical ไม่เป็น ... ก็ "ลงทุน" ได้ ... แต่ "ทำธุรกิจ" นี้ อาจจะไม่เหมาะ
15. Technical ใช้ได้ดีที่สุดกับ "หุ้นพื้นฐาน" ... ใช่ "หุ้นพื้นฐาน" :)
16. ประสบการณ์ และความรู้ คือ ปัจจัยสำคัญที่จะประสบความสำเร็จจากการเทรดหุ้น ... แม้คุณอาจจะ"โชคดี" ที่เทรดแรกๆแล้วกำไร แต่หากขาดประสบการณ์และความรู้แล้วล่ะก็ ท้ายที่สุด กำไรที่ได้มา ก็จะคืนตลาดหมด และอาจรวมถึง "ต้นทุน" ด้วย
17. ไม่มีเจ้าของหุ้นคนไหนบอกว่า เฮ้ย! หุ้นผมไม่ดี อย่าซื้อเลย ... ถึงแม้หุ้นจะเห้มาก Story ไม่มี Outlook อุบาทว์ เขาก็จะบอกว่า หุ้นผมดี พื้นฐานแน่น Growth กระจุยกระจาย ... ไม่รู้เหมือนกัน ใครมันทุบหุ้นผม ( หึ)
18. ถ้าจะเทรดหุ้น อย่าเป็น "นักทฤษฏี" แต่จงเป็น "นักปฏิบัติ" ... เหมือนนักมวย คุณไม่เคยซ้อม ขึ้นชกยังไง คุณก็เสียเปรียบคนซ็อมบ่อย คนเตรียมตัวมาดี
19. อย่าเสียเวลา หาว่า "ราคา" ที่ซื้อนั้นต่ำสุดแล้วหรือยัง หรือ มันจะไปที่ราคาไหน ... จุดซื้อ และ จุดขาย คือ จุดที่ Technical บอกว่า มัน Reversal แล้ว
20. รีบเทรดเกินไป ไม่รวย ... Let Profit Run รวย
21. ตลาดหุ้น เปลี่ยนตลอดเวลา .. เพราะ "ตลาด" คือ "คน" ... ไม่มีทฤษฎีไหน ใช้ได้ตลอดไป ... จงขยันหาความรู้ และทำการบ้าน
22. ขยัน ขยัน และ ขยัน
Sunday, October 18, 2015
Wednesday, October 14, 2015
ความน่าไว้วางใจ ... ปัจจัยที่นำไปสู่ 'ความสำเร็จ'
สืบเนื่องจากข้อคิดที่ได้จากหนังสือ 'Don't Eat The Marshmallow Yet' ซึ่งมีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งส่งมาให้
ในหนังสือนั้น พูดเรื่อง 'ความไว้วางใจ' ซึ่งเป็น 'รากฐานของความสัมพันธ์' ในทุกๆแบบ และเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เรา 'ประสบความสำเร็จ' ได้
ในข้อนี้นั้นสอดคล้องกับหนังสือ และคอร์ส 'Working At The Speed Of Trust' ของ Stephen M.R. Covey ซึ่งก็มีแนวคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ในการทำธุรกิจ ... หากคุณเป็นคนไม่ทำตามคำพูด หรือ พูดเพียงเพื่อให้ดูดีแต่ไม่ Deliver ผล ตามแบบที่ Promise ไว้ ... ในไม่ช้า ผู้คนก็จะรู้ และ ไม่อยากจะทำธุรกิจกับคุณในที่สุด ... ซึ่งอันนี้ Apply ตั้งแต่ พันธมิตรทางธุรกิจ ไปจนถึง ท่านผู้มีอุปการะคุณสูงสุด ของเรา ซึ่งก็คือ 'ลูกค้า' นั่นเอง
ในแง่ของความสัมพันธ์ ... ยิ่งเห็นง่สยเข้าไปใหญ่ ... ถ้าหากคุณเป็นคน น่าเคลือบแคลงสงสัย ในความน่าไว้วางใจแล้ว ... คนอื่น จะกล้าให้ใจเต็มร้อยกับคุณได้อย่างไร (ถ้าเค้าไม่ใช่ พ่อแม่ บุพการี ชองคุณอ่ะนะ)
โดยรายละเอียด ... วิธีการสร้างความ 'น่าไว้วางใจ' นั้นก็มีแนวทางปฏิบัติอยู่ ในหนังสือ 'Working At The Speed Of Trust' ... ซึ่งท่านเขียนไว้ว่า วิธีที่ง่ายยยยที่สุด ในการแสดงออกถึงความน่าไว้วางใจ คือ 'การไม่พูดถึงคนอื่นลับหลัง'
มันเป็นการง่าย ที่จะบอกว่า เรื่องที่เราพูดถึงคนอื่นลับหลัง (ซึ่งเรียกว่า นินทา) อยู่นั้น ไม่ได้มีเจตนาร้าย ทำไปเพราะความหวังดี ... แต่หากเราคิดเช่นนั้นจริงๆ เหตุผลอะไร จึง ไม่พูดกับเขาต่อหน้า? ... ถ้าหาก คุณไม่กล้าพูดเตือนเขาต่อหน้าแล้ว ... มันถูกหรือ ที่เอาเขามาพูดกับคนอื่น?
ในผลที่เกิดขึ้น หนังสือ เขียนไว้ชัด ... คนที่เราร่วมสังคายนาอีกบุคคลหนึ่งอยู่ด้วยนั้น ... เมื่อเขาฟังเราพูดความคิดเหล่านั้นออกมา ... เขาสะท้อนคิดทันที ... วันนี้ คนๆนี้พูดถึงอีกคนหนึ่งให้เราฟังได้ ... แล้วด้วยนิสัยที่เขาเป็นนี้ จะห้ามได้อย่างไร ไม่ให้เขาพูดถึงเรากับคนอื่น
Logic นี้ ... มันง่ายจริงๆ และเป็นความจริงเสียด้วย ... แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ยังเคยสอนไว้ ... ไม่ควร 'นินทา' ผู้อื่นลับหลัง
พิมพ์เรื่องนี้ไว้ เพื่อเตือนใจตัวเอง ... หากมีอะไรอยากจะพูด จะเตือนกับใคร จะเลือกพูดต่อหน้า ... ถ้าไม่กล้า ก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า
วิธีง่ายๆ สร้างนิสัยการเป็นคนที่มีความ 'น่าไว้วางใจ' ... และเป็นวิธีง่ายๆ อีกเช่นกันในการ 'พิจารณา' คนที่ 'น่าไว้วางใจ' :)
Nice day ka
ในหนังสือนั้น พูดเรื่อง 'ความไว้วางใจ' ซึ่งเป็น 'รากฐานของความสัมพันธ์' ในทุกๆแบบ และเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เรา 'ประสบความสำเร็จ' ได้
ในข้อนี้นั้นสอดคล้องกับหนังสือ และคอร์ส 'Working At The Speed Of Trust' ของ Stephen M.R. Covey ซึ่งก็มีแนวคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ในการทำธุรกิจ ... หากคุณเป็นคนไม่ทำตามคำพูด หรือ พูดเพียงเพื่อให้ดูดีแต่ไม่ Deliver ผล ตามแบบที่ Promise ไว้ ... ในไม่ช้า ผู้คนก็จะรู้ และ ไม่อยากจะทำธุรกิจกับคุณในที่สุด ... ซึ่งอันนี้ Apply ตั้งแต่ พันธมิตรทางธุรกิจ ไปจนถึง ท่านผู้มีอุปการะคุณสูงสุด ของเรา ซึ่งก็คือ 'ลูกค้า' นั่นเอง
ในแง่ของความสัมพันธ์ ... ยิ่งเห็นง่สยเข้าไปใหญ่ ... ถ้าหากคุณเป็นคน น่าเคลือบแคลงสงสัย ในความน่าไว้วางใจแล้ว ... คนอื่น จะกล้าให้ใจเต็มร้อยกับคุณได้อย่างไร (ถ้าเค้าไม่ใช่ พ่อแม่ บุพการี ชองคุณอ่ะนะ)
โดยรายละเอียด ... วิธีการสร้างความ 'น่าไว้วางใจ' นั้นก็มีแนวทางปฏิบัติอยู่ ในหนังสือ 'Working At The Speed Of Trust' ... ซึ่งท่านเขียนไว้ว่า วิธีที่ง่ายยยยที่สุด ในการแสดงออกถึงความน่าไว้วางใจ คือ 'การไม่พูดถึงคนอื่นลับหลัง'
มันเป็นการง่าย ที่จะบอกว่า เรื่องที่เราพูดถึงคนอื่นลับหลัง (ซึ่งเรียกว่า นินทา) อยู่นั้น ไม่ได้มีเจตนาร้าย ทำไปเพราะความหวังดี ... แต่หากเราคิดเช่นนั้นจริงๆ เหตุผลอะไร จึง ไม่พูดกับเขาต่อหน้า? ... ถ้าหาก คุณไม่กล้าพูดเตือนเขาต่อหน้าแล้ว ... มันถูกหรือ ที่เอาเขามาพูดกับคนอื่น?
ในผลที่เกิดขึ้น หนังสือ เขียนไว้ชัด ... คนที่เราร่วมสังคายนาอีกบุคคลหนึ่งอยู่ด้วยนั้น ... เมื่อเขาฟังเราพูดความคิดเหล่านั้นออกมา ... เขาสะท้อนคิดทันที ... วันนี้ คนๆนี้พูดถึงอีกคนหนึ่งให้เราฟังได้ ... แล้วด้วยนิสัยที่เขาเป็นนี้ จะห้ามได้อย่างไร ไม่ให้เขาพูดถึงเรากับคนอื่น
Logic นี้ ... มันง่ายจริงๆ และเป็นความจริงเสียด้วย ... แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ยังเคยสอนไว้ ... ไม่ควร 'นินทา' ผู้อื่นลับหลัง
พิมพ์เรื่องนี้ไว้ เพื่อเตือนใจตัวเอง ... หากมีอะไรอยากจะพูด จะเตือนกับใคร จะเลือกพูดต่อหน้า ... ถ้าไม่กล้า ก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า
วิธีง่ายๆ สร้างนิสัยการเป็นคนที่มีความ 'น่าไว้วางใจ' ... และเป็นวิธีง่ายๆ อีกเช่นกันในการ 'พิจารณา' คนที่ 'น่าไว้วางใจ' :)
Nice day ka
Tuesday, October 13, 2015
'อยู่'ให้เขารัก ... 'จาก'ให้เขาคิดถึง
หลายวันมานี้ ... ได้เจอกับ ผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณ และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายท่านที่รู้จักจากการทำงาน
ตามปกติแล้ว ... เราก็คิดว่า ... เมื่อ ยุติการทำงาน กับที่ใดที่หนึ่ง หยุดบทบาทหน้าที่ บทบาทใดบทบาทหนึ่ง ... ไม่ช้า ผู้คนก็จะลืมเราไป
หงีคิดผิด ... 555+
เพราะสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ... หงีพบว่า ผู้ใหญ่หลายๆท่าน ยังคงคิดถึงเรา เอ็นดู และมีความรู้สึกดีๆที่ได้พบเรา ... แม้กระทั่ง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยคุยงานกัน ทำงานร่วมกัน ... แม้เราจะไม่ได้มีประโยชน์ต่อเค้าแล้ว ด้วย 'บทบาทหน้าที่' ที่เอื้อประโยชน์ต่อเค้าหมดลง ... หงีก็พบว่า เค้าดีใจที่ได้พบเรา และมีความรู้สึกดีๆต่อเรา
'อยู่' ให้เขารัก ... 'จาก' ให้เขาคิดถึง
สิ่งที่หงีได้เรียนรู้เองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ... หงีสันนิษฐานว่า การที่ 'จาก' แล้ว 'เขา' ยังคิดถึงนี้ ... เป็นผลจาก ณ วันที่ 'อยู่' เราเป็น 'คนน่ารัก' ในสายตาท่านทั้งหลาย
สำหรับผู้ใหญ่ ... เราเต็มที่กับสิ่งที่ได้รับมอบหมาย เราคิดดีเราทำดี และข้อสำคัญ คือ 'เรานอบน้อมและให้ความเคารพ'
สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ... เราคิดดี เราเห็นเขาเป็นเพื่อน พี่ น้อง จริงๆ หวังดี ไม่ทำร้าย ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่หาประโยชน์จากความสัมพันธ์ ... และ คอนเซปต์เดิม คือ 'อ่อนน้อมถ่อมตน' แม้แต่กับคนที่อายุน้อยกว่า ... การ 'อ่อนน้อมถ่อมตน' ต่อคนที่อายุน้อยกว่านี้ คือ การให้เกียรติความเป็นมนุษย์ ให้เกียรติสติปัญญาความสามารถในการคิดของเขา ให้เกียรติประสบการณ์ของเขา เพราะเราไม่รู้หรอก ว่า คนๆหนึ่งผ่านอะไรมาบ้าง
ประโยชน์อะไร ที่ต้อง 'เหนือกว่า' ผู้อื่น ... 'เก่งกว่า' ผู้อื่น ... และ 'ฉลาดกว่าผู้อื่น' ' ... แล้วท้ายที่สุด ก็ 'ไม่เหลือผู้อื่น' .... เออ ... มึxก็มีแต่ตัวเอง ... เก่งคนเดียว ฉลาดคนเดียว เหนือคนเดียว ไปเลย ... 'แกล้งโง่' บ้างก็ได้ 'ผิด' บ้างก็ได้ 'ไม่รู้' บ้างก็ได้
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ... ไม่ใช่ไม่เคยพลาด ... พลาดมาก็มาก ... แต่ 'เรียนรู้' และ 'ปรับตัวใหม่' ... แล้ว 'ผลที่เกิดขึ้น' ก็ หอมหวานน่าชื่นใจ :)
หงีคิดว่า 'โชคชะตา' ที่คนที่ผ่านมาในชีวิต 'ส่วนใหญ่' เป็น 'คนดี' นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง
'คนดี' คงจะ 'รัก' เราไม่ได้ ... ถ้าเราทำตัว 'ไม่น่ารัก'
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้คนดีๆในชีวิต โชคชะตา และการเรียนรู้
ขอบคุณหม่าม๊าสำหรับการเลี้ยงดูสั่งสอนให้นอบน้อม และอ่อนน้อม ... 'อยู่' ให้เขารัก 'จาก' ให้เขาคิดถึง
ตามปกติแล้ว ... เราก็คิดว่า ... เมื่อ ยุติการทำงาน กับที่ใดที่หนึ่ง หยุดบทบาทหน้าที่ บทบาทใดบทบาทหนึ่ง ... ไม่ช้า ผู้คนก็จะลืมเราไป
หงีคิดผิด ... 555+
เพราะสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ... หงีพบว่า ผู้ใหญ่หลายๆท่าน ยังคงคิดถึงเรา เอ็นดู และมีความรู้สึกดีๆที่ได้พบเรา ... แม้กระทั่ง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยคุยงานกัน ทำงานร่วมกัน ... แม้เราจะไม่ได้มีประโยชน์ต่อเค้าแล้ว ด้วย 'บทบาทหน้าที่' ที่เอื้อประโยชน์ต่อเค้าหมดลง ... หงีก็พบว่า เค้าดีใจที่ได้พบเรา และมีความรู้สึกดีๆต่อเรา
'อยู่' ให้เขารัก ... 'จาก' ให้เขาคิดถึง
สิ่งที่หงีได้เรียนรู้เองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ... หงีสันนิษฐานว่า การที่ 'จาก' แล้ว 'เขา' ยังคิดถึงนี้ ... เป็นผลจาก ณ วันที่ 'อยู่' เราเป็น 'คนน่ารัก' ในสายตาท่านทั้งหลาย
สำหรับผู้ใหญ่ ... เราเต็มที่กับสิ่งที่ได้รับมอบหมาย เราคิดดีเราทำดี และข้อสำคัญ คือ 'เรานอบน้อมและให้ความเคารพ'
สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ... เราคิดดี เราเห็นเขาเป็นเพื่อน พี่ น้อง จริงๆ หวังดี ไม่ทำร้าย ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่หาประโยชน์จากความสัมพันธ์ ... และ คอนเซปต์เดิม คือ 'อ่อนน้อมถ่อมตน' แม้แต่กับคนที่อายุน้อยกว่า ... การ 'อ่อนน้อมถ่อมตน' ต่อคนที่อายุน้อยกว่านี้ คือ การให้เกียรติความเป็นมนุษย์ ให้เกียรติสติปัญญาความสามารถในการคิดของเขา ให้เกียรติประสบการณ์ของเขา เพราะเราไม่รู้หรอก ว่า คนๆหนึ่งผ่านอะไรมาบ้าง
ประโยชน์อะไร ที่ต้อง 'เหนือกว่า' ผู้อื่น ... 'เก่งกว่า' ผู้อื่น ... และ 'ฉลาดกว่าผู้อื่น' ' ... แล้วท้ายที่สุด ก็ 'ไม่เหลือผู้อื่น' .... เออ ... มึxก็มีแต่ตัวเอง ... เก่งคนเดียว ฉลาดคนเดียว เหนือคนเดียว ไปเลย ... 'แกล้งโง่' บ้างก็ได้ 'ผิด' บ้างก็ได้ 'ไม่รู้' บ้างก็ได้
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ... ไม่ใช่ไม่เคยพลาด ... พลาดมาก็มาก ... แต่ 'เรียนรู้' และ 'ปรับตัวใหม่' ... แล้ว 'ผลที่เกิดขึ้น' ก็ หอมหวานน่าชื่นใจ :)
หงีคิดว่า 'โชคชะตา' ที่คนที่ผ่านมาในชีวิต 'ส่วนใหญ่' เป็น 'คนดี' นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง
'คนดี' คงจะ 'รัก' เราไม่ได้ ... ถ้าเราทำตัว 'ไม่น่ารัก'
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้คนดีๆในชีวิต โชคชะตา และการเรียนรู้
ขอบคุณหม่าม๊าสำหรับการเลี้ยงดูสั่งสอนให้นอบน้อม และอ่อนน้อม ... 'อยู่' ให้เขารัก 'จาก' ให้เขาคิดถึง
Monday, October 12, 2015
ความสำเร็จที่ได้มา ... ไม่ใช่แค่ว่า เกิดมาหัวดี
จริงอยู่ว่า ตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กเรียนดีมาก และได้รับคำชมเรื่องฉลาด หัวไว อยู่เสมอ
แต่หงีก็รู้ตัวดีว่า ถ้าเปรียบเทียบกับ คนที่แข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก หรืออะไรเทือกนั้น ... สติปัญญาของหงี ก็แค่ระดับธรรมดา
ดังนั้น ... อะไรกันคือ ปัจจัยที่ทำให้ผลการเรียนดี และถูกมองว่าฉลาดหัวไว
คำตอบ คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ขยัน พยายาม และการเตรียมตัว ที่มากสุดๆไงล่ะ
ตอนเด็กๆ ก่อนสอบ 1 เดือน หงีวางตารางอ่านหนังสือทุกวัน ... อย่างน้อย ทุกบทต้องผ่านตา 1 รอบ ... เพราะฉะนั้น 4.00 หรือ 3.9 กว่าๆ ก็เป็นสิ่งที่หงีควรได้มั้ง
พอโตมา จาก แอร์โฮสเตส ที่ง่อยเรื่อง Microsoft Office และ Analysis มาก ... แต่หลังจากเวลาทำงานอันยาวนาน 7.30 - 5.30 ของทุกวันธรรมดา และทุกๆเสาร์ อาทิตย์ หงีจะขวนขวาย เรียนรู้ เรื่องที่ไม่เข้าใจ และฝึกฝน Skill ต่างๆที่ตัวเองมีน้อย จนท้ายที่สุด ก็ทำงาน Analyst ได้ ทำ Valuation ได้ เขียนบทวิเคราะห์ได้ ... การที่หงีทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหม?
ตาม Logic แล้ว ... ถ้าหงีต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจ และการลงทุนมาก ... วิธีแบบเดียวกัน คือ มุ่งมั่นตั้งใจ ขยัน พยายาม และ เตรียมตัว ... ก็คงจะช่วยทำให้หงีสำเร็จได้ตามต้องการ
ก่อนนอนคืนนี้ แค่อยากจะตอกย้ำตัวเองถึง 'นิสัย' ที่สามารถช่วยให้สำเร็จในสิ่งที่หวังได้
#ขอบคุณพระเจ้า สำหรับของประทานทุกอย่างและโชคชะตาในชีวิต #ขอบคุณหม่าม๊า ที่ไม่เคยบังคับอะไรเลย และส่งผลดีหลายอย่างต่อความเป็นหงี
นอนหลับพักผ่อน เพื่อตื่นมาพบกับวันใหม่ และความพยายามที่เพิ่มเติมต่อไป #keepfighting #keeptrying #keeplearning #keepfocusing
แต่หงีก็รู้ตัวดีว่า ถ้าเปรียบเทียบกับ คนที่แข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก หรืออะไรเทือกนั้น ... สติปัญญาของหงี ก็แค่ระดับธรรมดา
ดังนั้น ... อะไรกันคือ ปัจจัยที่ทำให้ผลการเรียนดี และถูกมองว่าฉลาดหัวไว
คำตอบ คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ขยัน พยายาม และการเตรียมตัว ที่มากสุดๆไงล่ะ
ตอนเด็กๆ ก่อนสอบ 1 เดือน หงีวางตารางอ่านหนังสือทุกวัน ... อย่างน้อย ทุกบทต้องผ่านตา 1 รอบ ... เพราะฉะนั้น 4.00 หรือ 3.9 กว่าๆ ก็เป็นสิ่งที่หงีควรได้มั้ง
พอโตมา จาก แอร์โฮสเตส ที่ง่อยเรื่อง Microsoft Office และ Analysis มาก ... แต่หลังจากเวลาทำงานอันยาวนาน 7.30 - 5.30 ของทุกวันธรรมดา และทุกๆเสาร์ อาทิตย์ หงีจะขวนขวาย เรียนรู้ เรื่องที่ไม่เข้าใจ และฝึกฝน Skill ต่างๆที่ตัวเองมีน้อย จนท้ายที่สุด ก็ทำงาน Analyst ได้ ทำ Valuation ได้ เขียนบทวิเคราะห์ได้ ... การที่หงีทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหม?
ตาม Logic แล้ว ... ถ้าหงีต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจ และการลงทุนมาก ... วิธีแบบเดียวกัน คือ มุ่งมั่นตั้งใจ ขยัน พยายาม และ เตรียมตัว ... ก็คงจะช่วยทำให้หงีสำเร็จได้ตามต้องการ
ก่อนนอนคืนนี้ แค่อยากจะตอกย้ำตัวเองถึง 'นิสัย' ที่สามารถช่วยให้สำเร็จในสิ่งที่หวังได้
#ขอบคุณพระเจ้า สำหรับของประทานทุกอย่างและโชคชะตาในชีวิต #ขอบคุณหม่าม๊า ที่ไม่เคยบังคับอะไรเลย และส่งผลดีหลายอย่างต่อความเป็นหงี
นอนหลับพักผ่อน เพื่อตื่นมาพบกับวันใหม่ และความพยายามที่เพิ่มเติมต่อไป #keepfighting #keeptrying #keeplearning #keepfocusing
Saturday, October 10, 2015
สิ่งที่เรียนรู้มาในช่วงนี้
1. เวลาเดินทางไปในต่างที่ เรามักพบสัจธรรมชีวิตใหม่ๆอยู่เสมอ
2. คนเล่นหุ้น ไม่ควรพูดเยอะ ... คิดถูก คนรอพลาดเพื่อซ้ำเติม ... คิดผิด คนด่าว่าอวดรู้
3. วัฒนธรรม 'เดี๋ยวนี้' นั้นต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา และต้องมีสติ ... เพราะถ้าไม่ เราจะติดนิสัยใจร้อน และ 'อดเปรี้ยวไว้กินหวาน' ไม่เป็น...
4. ไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหน เราก็ใช้ได้เพียงจำนวนหนึ่ง ... ที่เหลือ คือของคนอื่น
5. เวลา เป็นเพียงตัวเลข ... ร่างกายต้องการการพักผ่อนหรือยัง หรือแค่ไหน ร่างกายจะบอกเราเอง ... ถ้าเรารักษาร่างกายดี ... วันเวลาที่ผ่านไปในชีวิตเรา ก็เป็นเพียงตัวเลข ... มิได้สัมพันธ์กับความเสื่อมโดยตรงของร่างกาย
6. มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ส่งกระแสจิตได้ ... ถ้าเราส่งกระแสจิตที่ดีออกไป มนุษย์คนอื่นจะรับรู้ได้ และเราจะได้รับการกระทำที่ดีเป็นผลลัพธ์กลับมา
7. ความพยายาม และความขยัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ ความสำเร็จ
8. แม้ 'เงิน' ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ... แต่ 'เงิน' สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้
2. คนเล่นหุ้น ไม่ควรพูดเยอะ ... คิดถูก คนรอพลาดเพื่อซ้ำเติม ... คิดผิด คนด่าว่าอวดรู้
3. วัฒนธรรม 'เดี๋ยวนี้' นั้นต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา และต้องมีสติ ... เพราะถ้าไม่ เราจะติดนิสัยใจร้อน และ 'อดเปรี้ยวไว้กินหวาน' ไม่เป็น...
4. ไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหน เราก็ใช้ได้เพียงจำนวนหนึ่ง ... ที่เหลือ คือของคนอื่น
5. เวลา เป็นเพียงตัวเลข ... ร่างกายต้องการการพักผ่อนหรือยัง หรือแค่ไหน ร่างกายจะบอกเราเอง ... ถ้าเรารักษาร่างกายดี ... วันเวลาที่ผ่านไปในชีวิตเรา ก็เป็นเพียงตัวเลข ... มิได้สัมพันธ์กับความเสื่อมโดยตรงของร่างกาย
6. มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ส่งกระแสจิตได้ ... ถ้าเราส่งกระแสจิตที่ดีออกไป มนุษย์คนอื่นจะรับรู้ได้ และเราจะได้รับการกระทำที่ดีเป็นผลลัพธ์กลับมา
7. ความพยายาม และความขยัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ ความสำเร็จ
8. แม้ 'เงิน' ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ... แต่ 'เงิน' สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้
Keep Fighting
Keep Living
Keep Thinking
Keep Loving
#livegoeson #fighting #living #thinking #loving #investing #focus #practicing #adapting
Keep Living
Keep Thinking
Keep Loving
#livegoeson #fighting #living #thinking #loving #investing #focus #practicing #adapting
สวัสดีค่ะ^^ .... Welcome to ngee's world :)
Welcome to ngee's world
สวัสดีทุกคนที่เข้ามานะคะ^^
ก็สืบเนื่องมาจากการชอบเขียนนู่นเขียนนี่ของหงีใน Facebook ... เลยมีคนแนะนำว่า ให้มาเขียนใน Blog ก็น่าจะดีกว่า ... ก็เลยมาลองทำดู
Blog ของหงี ก็จะเป็นเรื่องราวที่หงีไปเจอมาในชีวิต ... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของของสวยๆงามๆ เรื่องของความคิดทัศนคติการใช้ชีวิต เรื่องของกิน (แหะๆ) เรื่องการลงทุน (ซึ่งเป็นเรื่องที่หงีชอบมาก) และเรื่องราวจิปาถะมากมาย ที่คิดว่า เขียนไว้แล้ว ก็เผื่อไว้เตือนใจตัวเอง และหวังว่า มันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆบ้าง^^
ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาอ่าน ... สวัสดีค่ะ^^ ... ยินดีที่ได้รู้จัก ... และหวังว่า สิ่งที่หงีเขียน จะเป็นประโยชน์กับคุณบ้างไม่มากก็น้อย ... แล้วมาเยี่ยมกันบ่อยๆนะคะ^^
Love,
ngee
สวัสดีทุกคนที่เข้ามานะคะ^^
ก็สืบเนื่องมาจากการชอบเขียนนู่นเขียนนี่ของหงีใน Facebook ... เลยมีคนแนะนำว่า ให้มาเขียนใน Blog ก็น่าจะดีกว่า ... ก็เลยมาลองทำดู
Blog ของหงี ก็จะเป็นเรื่องราวที่หงีไปเจอมาในชีวิต ... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของของสวยๆงามๆ เรื่องของความคิดทัศนคติการใช้ชีวิต เรื่องของกิน (แหะๆ) เรื่องการลงทุน (ซึ่งเป็นเรื่องที่หงีชอบมาก) และเรื่องราวจิปาถะมากมาย ที่คิดว่า เขียนไว้แล้ว ก็เผื่อไว้เตือนใจตัวเอง และหวังว่า มันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆบ้าง^^
ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาอ่าน ... สวัสดีค่ะ^^ ... ยินดีที่ได้รู้จัก ... และหวังว่า สิ่งที่หงีเขียน จะเป็นประโยชน์กับคุณบ้างไม่มากก็น้อย ... แล้วมาเยี่ยมกันบ่อยๆนะคะ^^
Love,
ngee
เจอตัวนี้โดยบังเอิญ ... น่ารักมาก ... เลยไปขอถ่ายรูปหน่อย เค้าคงงงว่า มนุษย์คนนี้มันทำอะไร 555+ |
Subscribe to:
Posts (Atom)