Tuesday, November 3, 2015

Fund Flow : 2017 ระวัง!!! ล้างพอร์ต

เอาล่ะ ... นี่ก็เนื่องจากอารมณ์ดี๊ดี จิตใจปลอดโปร่งแจ่มใส เพราะช่วงนี้ มีซีรี่ย์ และ ละครที่ชอบออกมานะคะ^^ อิอิ

วันนี้ หงีก็จะแชร์เรื่อง Fund Flow ซึ่งได้เรียนมากับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ จำกัด (มหาชน) ค่ะ

อาจารย์วิศิษฐ์ เนี่ย ... ท่านก็ถือเป็น กูรู ท่านหนึ่งในเรื่อง Fund Flow นะคะ ... และที่สำคัญ จาก Observation ของหงี ... หุ้นตัวที่แกเชียร์เนี่ย ... ปรู๊ดปร๊าดไปลิ่งตลอดตลอดดดด

อันที่จริง  เรื่อง Fund Flow เนี่ย ... ไม่ง่ายนะคะ ... การจะเข้าใจให้ถ่องแท้ อาศัยความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน  รวมถึง การติดตามข่าวสารประเทศสำคัญๆ คือ อเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นค่ะ

สำหรับสิ่งที่หงีได้เรียนมานั้น ... จะขอสรุป และแชร์ในหัวข้อง่ายๆ ตามกำลังสติปัญญาของหงีที่จะเข้าใจไว้ตามโพสตนี้นะคะ^^

1. วงจร Fund Flow นั้น มีต้นน้ำ จาก "นโยบายของธนาคารโลก + รัฐบาลท้องถิ่น" ซึ่งจะเป็นที่มาของ "เม็ดเงิน" มหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อ "การเติบโตทางเศรษฐกิจ"อันส่งผลต่อเนื่องมาถึง "กำไร" ของบริษัทจดทะเบียน และแน่นอน  "ราคาหุ้น" ค่ะ

2. Fund Flow นั้น สำคัญต่อ ราคาหุ้น มากนะคะ ... เพราะ ... ถ้าไม่มี "เม็ดเงิน" ไหลเข้าตลาดแล้ว ... ราคา มันก็ไปได้ยากค่ะ

3. อันที่จะอ่านหุ้นนั้น ตามที่บอก ต้องดู Fund Flow ด้วย .. ดังนั้น การอ่าน "อัตราแลกเปลี่ยน" และ "อัตราดอกเบี้ย" เป็นอีก 2 สิ่ง ที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องดู เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา

4. ยังไม่หมดแค่นั้นนะ ... นอกจากนี้ ... คุณต้องดู "ตลาดอนุพันธ์" เป็นด้วยนะแจ๊ะ ... เพราะล้วนเกี่ยวข้องกับ "ทิศทางการไหลของเม็ดเงิน" ทั้งสิ้น

5. ถ้าคุณไม่เก่งอย่างนั้น ... ไม่เป็นไร .... ไป Follow page ของ ดร.วิศิษฐ์ นะ ... แกโพสต์ Update Fund Flow อยู่เป็นประจำ (แฮ่!!!)

6. เมื่อมาเจาะที่ "อัตราดอกเบี้ย" นะ ... ตามข้อมูลที่แกให้มา ... Trinity Research ได้มีมุมมองว่า  Interest Rate ของทั้ง อเมริกา, ยุโรป และ ญี่ปุ่น .. นั้นกำลังจะถีบตัวขึ้นนะคะ ... ซึ่งแน่นอน  ถ้า Interest Rate เพิ่มขึ้น  ตามทฤษฎีทางการเงิน นั่นหมายความว่า อัตราคิดลด เพื่อคำนวณหามูลค่าปัจจุบัน จะเพิ่มขึ้น นำมาซึ่ง "มูลค่าปัจจุบันของหุ้นที่ลดลง" ... แปลง่ายๆ ... มันไม่ดีต่อ "หุ้น" นะยูววววววว

7. ทีนี้ ... ถ้ามาดู "อัตราแลกเปลี่ยน" .. ปัจจุบันนั้น ถ้าเทียบ USD / THB แล้ว .. ค่าเงินบาทนั้น "อ่อน" เมื่อเทียบกับ ดอลล่าร์สหรัฐ ...  ดร.วิศิษฐ์ แกได้ให้มุมมองไว้ว่า ... การที่เงินจะไหลออก หรือ ไม่ไหลออกนั้น ... ต้องดู "อัตราดอกเบี้ย" ประกอบด้วย .. นั่นคือ  ถ้า US ขึ้นดอกเบี้ย + ไม่ซื้อ Bond ต่อ ( คือ ไม่ปล่อยเงินเข้ามาในระบบ) + บาท อ่อน ต่อเนื่อง + อัตราดอกเบี้ยของไทย ไม่ขึ้น .... "เงินจะไหลออก" ... อันนี้ไม่ได้จดเหตุผลไว้ แต่ถ้าให้เล่า จากความเห็นส่วนตัว ก็อิงทฤษฎีการเงินทั่วๆไปนะคะ  คือ ถ้าค่าเงินอ่อนแล้ว อัตราดอกเบี้ยไม่ขึ้น แน่นอนว่า  ทิ้งเงินไว้ในเมืองไทย  อัตราผลตอบแทน ไม่ดีเท่า เอาเงินไปทิ้งใน US แน่ค่ะ

8. แม้จะมีการคาดการณ์ และ คาดหวังกันไว้มากว่า  ถ้า "ราคาน้ำมันขึ้น" แล้ว หุ้นบ้านเราต้องขึ้นแน่นอน  เพราะตัวดันดัชนี คือ PTT ซึ่ ตรงนี้บอกเลยว่า  ดร.วิศิษฐ์ แกได้ให้มุมมองนึงที่น่าสนใจมาก คือ  ถ้าหากราคาน้ำมันขึ้นแล้ว  จะส่งผลให้ เงินเฟ้อ  และแน่นอน เมื่อเงินเฟ้อแล้ว สิ่งที่จะตามมา คือ "ราคาหุ้นร่วง" (เหตุผล ดูตามข้อ 6 ค่ะ) ... ซึ่งแกพูดเลยนะคะ  ถ้าน้ำมัน ขึ้นไปที่ 50 - 60 USD ให้ ล้างปอด กอดเงินไว้  แล้วค่อยรอเข้ามาช้อนซื้อใหม่ค่ะ ... ออกไปนั่งกระดิกเท้าดูความ ชิบปี้ชิบ กันก่อนเลย

เอาล่ะค่ะ  หงีว่า ค ข้อ  อ่านให้เข้าใจก็ งง ละ ... นี่พยายามย่อยแล้วนะคะ ขอบอก ... แนะนำว่า ถ้าอ่านทั้งข้อไม่เข้าใจ ก็เอาแค่ Key Word ที่หงี ขีดเส้นใต้ ไว้ให้ ก็พอค่ะ

อ่อ... ขออนุญาตทวนทิ้งท้าย  2015 - 2016 ยัง "ลงทุนในตลาดหุ้นได้" โดยให้ระมัดระวัง เฝ้าติดตามเรื่อง "ราคาน้ำมัน" เป็นหลัก  แล้ว 2017 มีแนวโน้มต้องล้างปอด โดยให้เฝ้าจับตาดู "นโยบาย Fed" ว่าจะซื้อ Bond ต่อหรือไม่

อย่างไรก็ตาม #เทคนิคอล นั้นสำคัญ ... จงขยันติดตามกราฟ

สวัสดีค่ะ^^


No comments:

Post a Comment