Sunday, January 24, 2016

ความหมายของชีวิต และการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง

สวัสดีตอนเช้าในวันอากาศเย็นของกรุงเทพฯค่ะ^^ หงีจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้าย ที่หงีรู้สึกว่ากรุงเทพฯ อากาศเย็นนั้นมันเมื่อไหร่กัน เหอเหอ ... ไม่รู้ว่า เพราะแก่ ความจำไม่ดี หรือมันนานมาแล้วจริงๆกันแน่

เมื่อวันก่อนค่ะ ... ไปทำงานเนาะ ... ระหว่างเดินสำรวจ สังเกตร้านอาหารร้านอื่นๆอยู่นั้น ... หงีก็ แวะ 'ร้านหนังสือ' ... เช่นเคยค่ะ ... โดนดูด พรึ่บ!!! หายไป ครี่ง ชม. ออกมา ก็ได้ หนังสือดีๆ กลับมา 1 เล่ม ... เป็นงี้ทุกทีสิน่า '-_-! ไม่มีครั้งไหนที่ไม่ได้หนังสือจากร้านหนังสือเลย เสร็จเค้าทุกที ....

คราวนี้ เป็นหนังสือที่หงีชอบมากค่ะ ... เป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาความหมายของชีวิต ... ในอดีต เคยอ่านอยู่ 1 เล่มที่ประทับใจที่สุด ชื่อ The art of happiness ของท่าน ดาไลลามะ  บอกเล่าถึง การใช้ชีวิต วิธีคิดในการใช้ชีวิต 'ให้มีความสุข' ร่วมกับผู้คนอื่นๆบนโลก ... คิดต่อเขาเขาอย่างไร มีท่าทีอย่างไร การแสดงออกอย่างไร

เล่มนี้ที่ได้มา ชื่อ 'the five secrets you must discover before you die' เขียนโดย Dr.John Izzo นักสร้างวัฒนธรรมองค์กร และ เป็นอีกหลายๆนัก ( ลอง search ชื่อพี่แกดู คนนี้เจ๋งมวาาากทีเดียว) ...

หงีอ่านไปได้ 1/4 ของเล่มแล้วค่ะ ... ใจความที่สำคัญที่หงีได้จากส่วนนี้ คือ 'ความหมายของชีวิต' และ 'การซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง' ....

หงีเคยลองทำงานมาหลายอย่างค่ะ ... เมื่อก่อน ตอนเด็กๆ เรียนจบแล้ว แต่ยังหาตัวเองไม่เจอ ก็เคยลองทำงานออฟฟิศอยู่ซักปีนึง ก่อนเป็นแอร์ฯ ... ในตอนนั้นเอง พระเจ้าก็ ได้ให้โอกาสได้ลองทำงานอีกหลายอย่างนะคะ เช่น การถ่าย ad ของบริษัท , การออกอีเว้นท์ , การถ่ายภาพนิ่ง รวมถึงงานอีเว้นท์ประเภท พิธีกร และ PR ที่รับลงทะเบียน และดูแลผู้ใหญ่ ... ในตอนนั้น รายได้ดีมากเลยล่ะค่ะ สำหรับเด็กคนนึง ที่ไม่ได้เป็นดารา ไม่ได้มีกิจการอะไรของตัวเอง ... แต่สิ่งนึง ที่หงีรู้สึกคือ 'ว่างเปล่า' 'ไม่มีความหมายอะไร' ... สำหรับบางคน การได้ทำงานด้านการบริการ เค้ารู้สึก มีความหมาย มีความสุข .... หงี ไม่ใช่
สำหรับบางคน การได้แต่งตัวสวยๆ มีคนมาชื่นชม มีคนมาถ่ายรูป เค้ารู้สึกภูมิใจ มีความสุข ... หงี ไม่ใช่
สำหรับบางคน การทำงานพิธีกร ได้เป็นผู้ดำเนินกิจกรรม และเป็น lead ของอีเว้นท์นั้นๆ มันสนุก ท้าทาย และมีความหมาย .... หงี ไม่ใช่

เมื่อหงีอ่านหนังสือเล่มนี้ หงีถึงเข้าใจว่า ความรู้สึกในตอนนั้นมันคืออะไร ... และหงีก็รู้สึกดีค่ะ ที่หงีเลือก เดินออกจากตรงนั้น มาทำในสิ่งที่หงีต้องการ ...มีคำถามมากมายค่ะ ทำไมเลิกเป็นแอร์ ทำไมไม่ไปเปนแอร์ต่างประเมศ กลับมาทำไม ทำไม ทำไม และ ทำไม อีกมากมาย ... หงีมีคำตอบให้คำถามเหล่านั้น และหงีซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ... หลายคน อาจมองหงีไม่ฉลาดนักที่เลือกแบบนี้ ... แต่หงีไม่เคยเสียใจ

สิ่งที่หงีได้ อีกเรื่อง จากการอ่านตอนนี้ คือ หงีแน่ใจ ว่าหงีชอบอ่านหนังสือ หงีแย่ใจว่า หงีชอบหาความหมายของชีวิต และหงีแน่ใจว่า การชอบเรื่องนี้ แบะได้บอกเล่าความคิด ความรู้สึกออกไป คือสิ่งที่หงีอยากจะทำและมีความสุขกับมัน :)

หงีเคยคิดค่ะว่า นี่เรากำลังเสรยเวลา ทำเนื่องไร้สาระอยู่หรือเปล่า ... ชั่งน้ำหนักระหว่าง การเอาเวลาไปอ่านเรื่องหุ้น ศึกษาเรื่องหุ้น ทำ model หาความรู้เรื่องการพัฒนาองค์กร ทำคอร์สต่างๆ ฯลฯ ... แต่วันนี้ ... หงีไม่กังวลแล้ว หงีรู้ว่าหงีกำลังซื่อสัตย์ต่อตัวเอง

คุณล่ะคะ? หาเจอหรือยัง? หรือยังคงลังเลอะไรไหม? ... We only live once ค่ะ .... ทำตามหัวใจตัวเอง ทำสิ่งที่มีความหมาย ... ไม่ใช่ มีความหมาย สำหรับใคร ... แต่ขอให้เป็น สิ่งที่มีความหมาย สำหรับตัวเรา :)

ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตของคุณในวันนี้นะคะ ... และขอบคุณที่อ่านกันด้วย
หงีหวังว่า คุณจะได้อะไรบ้าง จากการอ่านตอนนี้นะ^^ แล้วหงีจะเล่าทั้งหมดให้ฟังอีกที หลังจากอ่านจบเล่มแล้ว ^^

Have a nice day ka

Saturday, January 16, 2016

ตอนสุดท้าย และเป็นตอนที่ดีที่สุด จากอ่านเหลี่ยมขงเบ้งฯ

สวัสดีค่ะ ^^  อิอิ ... หลังจากคั่นด้วยความพรั่งพรูที่เกิดขึ้นหลังจากดูหนังเรื่อง The Big Short ซึ่งตอนนี้ก็เป็นกระแสที่มีคนสนใจมากมาย และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากนะคะ ...  คราวนี้ หงีก็จะมาต่อ กลยุทธ์ของขงเบ้งกัน  ซึ่ง จะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ที่หงีชอบ ชื่อตอนคือ "ยกคุณธรรมข่มม้าพยศ"

ตอนนี้ เรียกได้ว่า เป็นตอนที่ชอบที่สุดค่ะ  เพราะหงีได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากตอนนี้ ... เราอย่ารอช้าเลย ... มาเริ่มกันดีกว่า

ตอนนี้... เป็นตอนที่ เล่าปี่ ได้เข้ายึดเกงจิ๋วสำเร็จแล้ว และกำลังออกรบขยายดินแดนออกไป โดยเข้าตีเมืองเลงเหลง , เมืองฮุยเอี๋ยง, เมืองบุเหลง และสุดท้ายที่เมืองเตียงสา

หงีขออนุญาตทำเหมือนตอนก่อนหน้านะคะ คือ พิมพ์ลอกตามแบบในหนังสือเลย  เพราะวิธีบรรยายในหนังสือนั้น อ่านแล้วได้อรรถรสดี^^

"สุดท้ายที่เมืองเตียงสา  เมืองนี้ติดกับชายแดนของแคว้นกังตั๋ง  เดิมทีเคยเป็นฐานที่มั่น ในการขยายดินแดนของซุนเกี๋ยน บิดาของซุนกวน  ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์สำคัญ  ฮันเหียนเจ้าเมืองนี้มีขุนศึกที่ฝีมือฉกาจอยู่สองคน  คนหนึ่งชื่อว่า "ฮองตง" เป็นชายชราวัยหกสิบปีแล้ว  แต่ยังคงมีพละกำลังความสามารถเหนือล้ำกว่าทหายวัยหนุ่มหลายคน  รวมถึงมีวิชายิงเกาทัณฑ์ที่เหนือล้ำกว่าคนทั้งกองทัพ  ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อว่า "อุยเอี๋ยน"  เคยเป็นนายทหารของเกงจิ๋วมาก่อน และเคยพยายามสร้างวีรกรรมในการเปิดเมืองให้เล่าปี่  และเล่ากี๋เข้ามาคุมสถานการณ์ช่วงที่เล่าเปียวเสียชีวิต  แต่เล่าปี่เกรงเหตุวุ่นวายภายในจะบานปลายจึงได้ปฏิเสธ  หลังจากนั้น อุยเอี๋ยน  พยายามก่อปฏิวัติ  เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในเกงจิ๋ว  ทว่า  ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจที่เหนือกว่าของซัวมอได้  จึงได้มาอาศัย ฮันเหียน ที่เมืองเตียงสานี้แทน  แต่ด้วยความที่มีประวัติในการก่อความวุ่นวายมาก่อน  อึยเอี๋ยนจึงไม่ได้รับความไว้วางใจให้มีตำแหน่งใหญ่โตมากนัก

ในการสู้รบที่หน้าเมืองเตียงสานั้น  กวนอู ได้ปะทะกับ ฮองตง อย่างสมศักดิ์ศรี  ผลัดกันรุกรับจนไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะได้ ในยกหนึ่งนั้น ฮองตงเสียทีพลัดตกม้าจนอวุธหลุดจากมือ  กวนอู นั้นถือความยุติธรรมไม่ทำร้ายผู้ไม่ถืออาวุธ  และปล่อยให้ ฮองตง ถอยทัพกลับไปตั้งตัวใหม่  ครั้งนั้น ฮองตง  นับถือน้ำใจ กวนอู  อย่างมาก ในการสูรบยกที่สอง  ฮองตง  มีโอกาสยิงธนูสังหาร กวนอู  จึงได้ทดแทนน้ำใจนั้นด้วยการจงใจยิงขู่ไปถูกพู่หมวกของกวนอูเท่านั้น  ซึ่งกวนอูจึงทราบได้ว่า ฮองตง รับรู้น้ำใจของตนเช่นเดียวกัน

แต่ทว่า การต่อสู้แบบแฟร์ๆของคนทั้งสองนั้น  ไม่เป็นที่ประทับใจของ ฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสา เลยแม้แต่น้อย  เมื่อ ฮองตง กลับไปจึงถูกมองว่า มีใจให้แก่ข้าศึก จำต้องโทษ ประหารชีวิต!!!

ซึ่ง อุยเอี๋ยน  นายทหารใจกล้า ก็จับตาดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาตลอด  และมองว่า การตัดสินใจของฮันเหียน ไม่เป็นธรรมต่อฮองตง  นักรบหนุ่มผู้นี้ จึงจับดาบไปชิงตัว ฮองตง มาจากเพชฉฆาต  ( เก่งมาก .. เจ้าอุยเอี๋ยน :)) แล้วก่อการปฏิวัติขึ้นภายในเมืองเตียงสา ( อีกแล้วหรอมึง ... )  เกลี้ยกล่อมให้ทั้งทหาร และชาวเมืองเปลี่ยนใจไปสนับสนุนเล่าปี่  จากนั้น ก็ยกพวกไปสังหาร ฮันเหียน ( เอิพส์ ... คือ ดีหรอวะ?) แล้วเปิดเมืองให้ กวนอู เข้ายึดครองในที่สุด

แต่กลายเป็นว่า  แทนที่หลังจาก เล่าปี่ และ ขงเบ้ง มาถึงเมืองเตียงสาแล้ว อุยเอี๋ยน จะได้รับความดีคความชอบ ขงเบ้ง ที่จดจำ อุยเอี๋ยน ได้ว่า มักก่อการวุ่นวายตามอำเภอใจบ่อยครั้ง ตั้งแต่เมืองเกงจิ๋ว อีกทั้งยัสังการ ฮันเหียน ผู้ถือเป็นเจ้านายของตนเอง ( นั่นน่ะสิพี่ขงเบ้ง ) เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ายกย่อง และมีคำสั่งให้ลงโทษ อุยเอี๋ยน ด้วยการ ประหารชีวิต!!!! เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่น

ทว่า เล่าปี่ กลับมองต่างจาก ขงเบ้ง  เนื่องด้วย อึยเอี๋ยน มีใจสนับสนุนฝ่ายเล่าปี่ มาตั้งแต่ครั้งก่อน  การกระทำของ อุยเอี๋ยน ก่อประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองโดยตรง  ควรจะได้รับความชอบมากกว่า  และ หากประหาร อุยเอี๋ยน ด้วยสาเหตุเช่นนี้ ภายภาคหน้า ก็จะไม่มีใครกล้าเข้ามาสวามิภักดิ์อี  ขงเบ้งเห็นว่า เหตุผลของเล่าปี่มีน้ำหนักกว่า จึงยินยอม  และกล่าวกับ อุยเอี๋ยน ว่า หากทำงานกับ เล่าปี่ แล้วก็ไม่ควรทำสิ่งใดตามอำเภอใจดังที่ผ่านมาอีก อุยเอี๋ยน ซึ่งรอดตายมาหมาดๆ ก็รับคำ แต่ในใจยังนึกขุ่นเคือง ขงเบ้ง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"

ในหนังสือ ได้ให้ความเห็นว่า  เล่าปี่ มองขาดในด้านการสนับสนุนกำลังคน  มองที่ผลประโยชน์  ซึ่งเกิดกับ อุยเอี๋ยน เป็นหลัก  ตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงมีผู้ที่สวามิภักดิ์เต็มใจรับใช้เล่าปี่มากมาย  จึงนับว่า เหมาะแก่ภาวะที่จำต้องสร้างรากฐานของอำนาจในภายภาคหน้า

ในขณะที่ ขงเบ้ง กลับมองในเรื่องของ คุณธรรมและการปกครองคนในประเภทที่แตกต่างกัน อุยเอี๋ยน นับว่าเป็น ขุนศึกที่มีความสามารถ และมีความกล้าหาญ  แต่ก็มีข้อบกพร่องที่มุทะลุ คิดการต่างๆตามอำเภอใจ  หากเปรียบเป็นม้า ก็เหมือน ม้าอันทรงพลัง แต่มักจะพยศอยู่บ่อยๆ  การที่ ขงเบ้ง ออกปากให้ลงโทษอุยเอี๋ยน นั้น จึงเป็นการปราบม้าพยศอย่าง อุยเอี๋ยน ได้อย่างเด็โขาด  เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้

ผู้เขียน  ได้ให้ความเห็นอีกว่า  ... ปัจจุบัน บุคคลากรแบบอุยเอี๋ยน นั้นมีมาก  การใช้แนวคิดของเล่าปี่ ก็จะทำให้คนที่มีคามสามารถเหล่านี้มาร่วมงานกับเราได้  แต่ไม่ควรที่จะละเลยความเข้มงวดตามแนวคิดของขงเบ้งด้วย ที่จะคอยควบคุมม้าพยศเหล่านี้ ให้อยู่ในกรอบ  ที่ไม่ขัดขวางการเดินหน้ขององค์กร  จึงนับว่า เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน ...

สำหรับความเห็นของหงีนะคะ ... หงีเห็นด้วยกับ ขงเบ้ง ค่ะ ... ถ้าเป็นหงี  หงีคงจะเลือกลงโทษ ประหาร เหมือนกัน  เพราะด้วยนิสัยมุทะลุ ทำตามอำเภอใจ สามารถก่อความเสียหายได้มหาศาลนะคะ  และในยามโมโห  คนประเภทนี้ มักไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี  ถ้าหากปล่อยไว้ในองค์กร ไม่ควบคุมให้ดี ก็จะก่อความเสียหายได้ ... โดยประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับหงี คือ ความรู้คุณ ซ์่อสัตย์จงรักภักดี .... ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดีนะคะ  ... กรณี อุยเอี๋ยน ... เมื่อยามเดือดร้อน ก็หนีร้อนมาพึ่งเย็นที่ ฮันเหียน  แต่เมื่อยาม ฮันเหียน ตัดสินใจไม่ตรงกับใจตัวเอง  ก็ดันพร้อมที่จะก่อการกบฎ และสังหาร ฮันเหียน ... มันทรยศ ไม่รู้คุณคนชัดๆ ... คนแบบนี้ ถ้าเป็นหงี  หงีจะไม่เก็บไว้ใกล้ตัวค่ะ

อย่างไรก็ตาม ....  สิ่งที่หงีได้เรียนรู้จาก นิยาย และกลยุทธ์ ตอนนี้  ก็คือ  การมองการณ์ไกล  นึกถึงประโยชน์ที่ต้องการ และการใช้ "ใจ"  มากกว่า "หลักเหตุผล"

ในองค์กรปัจจุบันที่หงีอยู่  แม้จะเป็นองค์กรเล็กๆนะคะ ... แต่ที่นี่ เราก็มีหลักการดูแลคนหลากหลายแบบ  แต่ที่ Prove แล้ว ว่า ได้ผลดี  ก็คือ การใช้ "ใจ" นี่แหละค่ะ

อย่างไรก็ตาม ... ใจ มนุษย์ ยากแท้หยั่งถึง  และ ใจคน เปลี่ยนทุกวัน ... ถึงแม้ เราจะเห็น ข้อดี ของการใช้ใจ  และ ถถ้าหากแม้ การใช้ใจ เป็นกลยุทธ์ที่คุณใช้ในการดูแลคนอยู่แล้วล่ะก็  ... หงีคิดว่า  ควรคำนึงถึงข้อนี้ให้มากๆค่ะ...

ถ้าเลือกจะ "ใช้ใจ" แล้ว  ก็ควรเตรียมตัวที่จะ "เสียใจ" ด้วย :)

เรื่องนี้ยาว ... แต่หงีมีความเห็ฯแค่สั้นๆ ... หงีเชื่อว่า  ถ้าตั้งใจอ่าน  คุณจะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้มากเชียวค่ะ ^^

Good night นะคะ :)